Leica Summicron 2/35 V4 "King of Bokeh"
- Paron Chatakul
- Aug 24, 2023
- 2 min read
Updated: Apr 4
"ความไม่สมบูรณ์แบบที่โด่งดัง"

สวัสดีครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ห่างหายจากการอัพเดทไปนาน ตอนนี้ตัดสินใจจ่ายตังค์ให้ wix ไปเรียบร้อยหลังจากใช้ของฟรีมาแสนนาน มีของมากมายรอการรีวิวเลยครับเพราะสอยโน่นนี่มาเรื่อยเกือบ 10 รายการ เขียนเล่นกันไปได้อีกยาว ๆ วันนี้ขอเปิดเรื่องกันด้วยเลนส์ยอดนิยมตัวหนึ่งของไลก้า วนเวียนเฉียดกันไปมาไม่ได้เจอกันสักที มาโดนกันก็คราวนี้เองกับ Leica Summicron 35 f2 V4 (King of Bokeh) ต่อไปจะขอเรียกว่า KOB นะครับ

เลนส์ตัวนี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานตั้งแต่เริ่มเข้าวงการกล้องไล่กาใหม่ ๆ สัก 10 กว่าปีที่แล้ว สมัยก่อนตัวละห้าหกหมื่นก็ยังไม่กล้าซื้อ รู้สึกว่าแพง ตอนนี้เป็นไงล่ะ กดไปเกือบแสน ฮ่ะๆๆ เลนส์ตัวนี้อยู่ในสายการผลิตยาวนานพอสมควร (17 ปี) ระหว่าง 1979-1996 เป็นตัวที่โด่งดังมากถัดจาก summicron 8e V1 ส่วนตัวก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไม V2 V3 ถึงไม่เป็นที่นิยมเท่ารุ่นแรก ทั้งที่…
- V2 ในหนังสือ Erwin Puts กล่าวว่าปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นในราคาที่ถูกลง ไม่มี Distortion ด้วยองค์ประกอบ 6 ชิ้น 4 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม V2 มีการผลิตออกมาแค่ช่วงสั้น ๆ ระหว่าง 1969-1973 เพียง 5,000 ตัวเท่านั้น
- V3 มีการปรับปรุงในส่วนกลุ่มกลางของเลนส์ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อลด vignette แต่มี distortion กลับมาแทน (อ้าว) เลนส์ V3 มีองค์ประกอบ 6 ชิ้น 4 กลุ่ม ผลิตออกมาวางขายช่วง 1973-1979 ประมาณ 21,500 ตัว
ส่วนนึงที่ V2 V3 ไม่เป็นที่นิยมอาจเพราะมีการลดชิ้นเลนส์จาก V1 ที่มี 8 ชิ้น 6 กลุ่ม มาเป็น V2 ที่เหลือ 6 ชิ้น 4 กลุ่มแล้วขายราคาถูกลง แถมขายทับในช่วงเวลาเดียวกับที่ V1 ยังวางขายอยู่ด้วย อาจจะทำให้ความรู้สึกของผู้ใช้งานสงสัยว่ามันเป็นรุ่นประหยัดแล้วคุณภาพมันจะด้อยลงด้วยไหม ส่วน V3 สูตรเลนส์ออกมาเหมือน V2 เลยก็เดาว่าน่าจะโดนเหมาไปด้วยกัน อันนี้ไม่ทราบได้ และออกตัวไว้ ณ ที่นี้ว่ายังไม่เคยได้ลองเล่น V2 V3 เลยนะครับ
เรามาว่าเรื่อง V4 ของเราดีกว่า ส่วนตัวผมว่าคุณภาพมันก็ไม่ได้ดี (ขนาดนั้น) นะครับ แต่ดังเพราะรีวิว ดังเพราะฉายาที่ได้รับมาจากความไม่สมประกอบของภาพที่ได้จากมันนี่แหละครับ KOB ออกแบบเลนส์มาในโครงสร้าง 7 ชิ้น 5 กลุ่ม ผลิตมาทั้งหมดร่วม 53,000 ตัว รวมพวกตัวลิมิเตดต่าง ๆ ที่ช่วงนั้นไลก้าเริ่มสนุกและทำออกมาหลายแบบ อาทิ Safari, Thailand, Going Public, Limited สำหรับ M4P และสี Silver chrome ใช้สูตรแบบ double gauss เหมือน V1-3 เรียกว่าให้ภาพได้แบบไลก้า Vintage ที่นักเล่นถวิลหากันครับ
ข้อดีของเจ้าเลนส์จำพวก Summicron V1-V4 คือมันเล็ก เบา พกง่าย ให้ภาพได้อารมณ์ แต่พอขึ้น V5 ASPH. แล้วเรียบร้อยครับ คอนทราสต์หนักแน่น ภาพคมกริ๊บ ๆ เป็นไลก้ายุคใหม่ไปละ ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ บางคนเน้นคุณภาพจะชอบ บางคนก็อาจไม่ “สบอารมณ์” แต่ที่แน่ ๆ V5 ใหญ่และหนักกว่าชัดเจน
และแล้วเราก็ได้พบกันครับ ไปเจอ KOB สภาพใหม่กริ๊บ เยอรมันฟ้อนต์เหลี่ยม ใครจะไม่เอาไว้ล่ะครับ ภาพทั้งหมดในนี้เป็น 35KOB ประกบกับ M11 นะครับ เลือกพิจารณาได้ตามอัธยาศัย

ขอออกตัวก่อนเลยครับว่ารีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นในฐานะผู้ใช้ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครทั้งนั้น สำหรับ KOB เมื่อได้มาเล่นแล้วสรุปว่าผมไม่ชอบครับ… จบรีวิว

ไม่เอาไม่ห้วนขนาดนั้น คือจะบอกว่า KOB เนี่ยผมว่าเปิด f2 กว้างสุด ภาพมันไม่ได้คมอย่างใจ โบเก้ก็วนเป็นหอยเลยเพราะหน้าเลนส์เล็ก Vignette ก็เยอะอยู่ แต่หลายท่านชี้ให้ดูอารมณ์ของเลนส์นะครับพี่น้อง ต้องยอมรับว่า KOB เป็นเลนส์อีกรุ่นที่ให้สีสันหวานสวยนะครับ โทนอบอุ่น เปิด f กว้างสุดถึงแม้ภาพไม่ได้คมคายแต่มี glow ให้เห็นพองาม ขอบเบลอ ๆ ลองพิจารณาภาพกันดูครับ ถ่ายกับ M11 นะครับพิจารณาร่วมกับคาแรกเตอร์ภาพจากกล้องกันด้วยนะครับ แต่สำหรับผมพอภาพมันไม่ค่อยคมแล้วมันเลยพาลไม่สนุกกับอย่างอื่นไปด้วยครับ

สิ่งที่ประทับใจกับ KOB อยู่บ้างคือ 3D pop ที่ถ้าเข้าระยะทำลายล้างแล้วก็มีมาให้เห็นได้ไม่ยาก น่าประทับใจครับ

อีกจุดที่ต้องชี้ให้ดูคือความกลมกล่อมของภาพที่ KOB ให้ได้ เลนส์ตัวนี้ถ่ายมาแล้วมันเหมือนได้รับประทานกับข้าวที่บ้าน รสชาติไม่จัดจ้าน อร่อย พอดี แตกต่างจากร้านอาหารทั่วไปในปัจจุบันที่รสจัด หวานก็หวานมาก เผ็ดก็เผ็ดมาก กินมันส์ กินสนุก แต่ไม่อร่อยกลมกล่อมเหมือนกับข้าวบ้านครับ ภาพที่ได้จาก KOB คอนทราสต์จะไม่จัดจ้าน ไม่คมบาดตา สีสันเรนเดอร์มาหวานสวย ใช้แล้วก็คิดถึง Summilux 35 V4 อยู่เหมือนกัน บางภาพถ่ายองค์ประกอบไม่ได้เรื่องแต่กลับรู้สึกสนใจ เหมือนภาพมันมีอะไร

สรุปกันว่าเลนส์ตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง ซื้อดีหรือไม่ ไม่ต้องห่วง ผมเชียร์ให้ซื้อทุกตัวนั่นแหละครับ อันนี้ต้องขอให้ไปลองกันเองครับ ผมขายไปละ ฮ่ะๆ อย่างน้อย KOB มันต้องมีดีถูกใจมหาชนแหละไม่อย่างนั้นคงไม่ดังติดลมบนมายาวนานขนาดนี้ ผมเห็นคนก็หากันอยู่เรื่อย บางคนก็ปักธงไว้เป็นเป้าหมาย ราคามันก็เลยไม่เคยลง ผมว่าเลนส์ตัวนี้ก็เป็นตัวนึงที่ซื้อมาเล่นกันได้สบาย ๆ นะครับ ชอบก็เก็บไว้ เบื่อก็ขายต่อไป อย่าไปคิดอะไรมาก เจ็บตัวก็เจ็บไม่มาก ถือยาวก็อาจมีกำไร อย่างไรก็ตามเข้าวงการกล้องไล่กามาแล้วก็เล่นให้สนุกครับ ยิ่งเลนส์แต่ละตัวคาแรกเตอร์ต่างกันมีมากมาย มันแมตช์กับสไตล์การถ่ายภาพของแต่ละคนได้หลากหลายสุด ๆ นี่คือเสน่ห์ที่เราค้นหาเท่าไรก็ไม่มีคำว่า “ตัว” จบครับ คราวหน้ามาต่อกันด้วยเลนส์ที่ไลก้าเองเรียกว่า The true king of bokeh กันครับ สวัสดี…






























Comments