Montblanc
- Paron Chatakul
- Jul 7
- 2 min read

วันนี้เรามาว่ากันเรื่องปากกากันอีกสักรอบนะครับ ชอบจังปากกาหมึกซึมเนี่ย มีแพชชั่นไปเสียทุกเรื่องจริง ๆ คราวก่อนเราคุยกันเรื่อง Montegrappa สัญชาติอิตาลีไปแล้ว วันนี้มาคุยกันเรื่อง Montblanc สัญชาติเยอรมันกันบ้างครับ ประวัติของปากกา Montblanc ละเอียด ๆ ไปหาอ่านเอาเองนะครับมีหลากหลายสื่อทีเดียว (เริ่มต้นก็ไล่คนอ่านเสียแล้ว) เอาเป็นว่าเริ่มดำเนินกิจการกันตั้งแต่ ค.ศ.1906 ใช้ชื่อ Montblanc ค.ศ.1910 เริ่มใช้โลโก้ดาวหกแฉกมน ๆ (เป็นหิมะที่ปกคลุมยอดเขา) ค.ศ.1913 และจุดสำคัญ ๆ อีกอย่างคือการใช้ชื่อรุ่น Meisterstück ค.ศ.1924 ซึ่งรุ่นนี้กลายเป็นรุ่น iconic ของแบรนด์ และต่อยอดเอาคำนี้มาใช้เรื่อย ๆ กับผลิตภัณฑ์มาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า Montblanc หากินกับโอกาสพิเศษเนื่องในวันครบรอบโน่นนี่ได้หลายวันเลยครับ

ปัจจุบันในประเทศไทย Montblanc มีเครือ Richemont มาดูแลการตลาดและการจัดจำหน่ายเอง แทนการใช้ตัวแทนจำหน่ายในสมัยก่อน ด้วยว่าต้องการคงระดับของแบรนด์เอาไว้ (ซึ่งดีแล้วครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร) มาเปิด shop ใหม่ที่พารากอนเมื่อปลายปี 2024 นี่เอง ผมถึงกล้าเอาปากการุ่นเก่าดั้งเดิมของคุณพ่อที่คุณหลานเอาไปปาลงพื้นจนปลอกแตกไปซ่อม ซึ่งงานซ่อม (เปลี่ยน cap ใหม่) งานเรียบร้อยดีมาก รวดเร็วมากเพียงไม่กี่วัน และราคาค่าซ่อมก็โอเคมาก ๆ แน่นอนครับปากกา Meisterstück 164R Classic Gold Trim Ballpoint สี Burgundy เป็น Montblanc ด้ามแรกของผมที่คุณพ่อให้มา เอาจริง ๆ ไม่ค่อยได้ใช้ครับผมชอบใช้ปากกาหมึกซึมมากกว่า แต่นั่นก็ทำให้สมัยนั้นพอรู้จักว่ามันเป็นปากการาคาแพ๊งแพง และเป็นที่รู้จักกันของคนโดยทั่วไป แต่ก็นั่นแหละครับ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าทำไมมันถึงแพงอยู่ดี

ด้ามที่คุ้ย ๆ เจออีกด้ามเป็น Ballpoint อีกรุ่นหนึ่งคือ Meisterstück 116 Mozart Mini Ballpoint Gold Trim สีดำ ของภรรยาที่ได้มาจากงานอะไรสักอย่าง นี่ก็เก็บไว้ไม่เคยได้ใช้เลย สังเกตได้ว่ายุคหนึ่ง Montblanc จะใช้ตัวเลขกำหนดขนาดและระดับของปากกาครับ และด้ามนี้เป็นรุ่นเล็กสุด พกพาง่ายน่าใช้เหมาะกับสาว ๆ มากครับ
ด้ามที่มีเป็นของตัวเองแบบจริง ๆ เลยคือ Boheme สีดำแบบไม่มีเพชรพลอยอะไรประดับประดา มันเรียบ ๆ ดี ที่เอารุ่นนี้เพราะอยากได้ Nib เป็นทอง 14K ซึ่งจะเขียนได้นุ่มนวลกว่า และประทับใจกับกลไกการหมุนเปิดหัวปากกามาก ประกอบกับด้ามสั้น สามารถพกใส่กระเป๋าเสื้อ (ที่ปัจจุบันชอบทำกระเป๋าตื้นเหลือเกิน) ได้ ใช้อยู่นาน เขียนดี แต่กลไกสุดประทับใจของมันทำให้เวลาจะเขียนทีมันลำบากอยู่ คือต้องหมุน cap ออก แล้วเอาไปหมุนท้ายด้ามหัวปากกาจึงจะค่อย ๆ ยื่นออกมาลำบาก ช้า แต่เท่ห์ ใครที่เวลาเขียนหนังสือชอบปิด cap บ่อย ๆ มันจะไม่สะดวก เกลียวมันเล็ก บางทีปีนเกลียวก็ต้องหมุนออกแล้วหมุนกลับเข้าไปใหม่ ประกอบกับทำความสะอาดค่อนข้างยาก แล้วช่วงนั้นใช้หมึกดำซึ่งอุดตันง่ายมาก จึงค่อย ๆ ห่างเหินกันไป ไปคบกับ Montegrappa Steel Nib เขียนลื่น ๆ มันส์ ๆ อยู่นาน แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมาใหม่ครับ


Meisterstück x Olympic Heritage Chamonix 1924 Classique Fountain Pen ด้ามนี้เอาจริง ๆ ไม่ค่อยอินกับ Olympic ที่ (พยายามเหลือเกิน) เชื่อมโยงกับปีเดียวกับการเกิดรุ่น Meisterstück จะว่าไงดี มันก็หาสร้างเรื่องขายของไปเรื่อยแหละครับ แต่ด้ามนี้มันสีสวยมาก ตัวด้ามสีเทา ปลายปากกาสีแดงกับโลโก้ Montblanc โดดเด่นกว่าปกติมาก ด้านนี้จึงเป็น Montblanc สีแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยจะเห็นสักเท่าไรในราคาปกติสุข Nib 14K เหมือน Boheme แต่มีลวดลายเป็นคนเล่นสกี สุดท้ายก็โดนตก ซื้อมาดม ไม่ได้เขียน


Writers Edition Homage to Johann Wolfgang von Goethe Limited Edition Fountain Pen ด้ามนี้หยดย้อยด้วยสารพัดดีไซน์ที่หาเรื่องราวมาเชื่อมโยงกับนักเขียน กวี และนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ขออนุญาตไม่เล่าเรื่องของตาเกอเธอคนนี้นะครับ หาอ่านได้ ป้ายยาตัวเองได้ ส่วนตัวผมแค่รู้สึกว่าเรื่องราวมันเหมาะกับอาชีพตัวเองดี เพราะผมชอบแนวคิดในการศึกษาธรรมชาติของเขา ชอบความเป็นนักพฤกษศาสตร์ และเป็นศิลปินในตัว ประกอบกับตัวปากกามันสวยมากจริง ๆ Nib 18K สลักลวดลาย Mephistopheles จากบทละคร Faust เขียนได้นุ่มนวล แต่ไม่ค่อยรู้สึกต่างจาก 14K มากนัก (เรามันคนหยาบ ฮ่ะๆ) วิธีการสูบหมึกเป็นแบบ Piston คือใช้วิธีเอาหัวจุ่มลงในขวดหมึกแล้วหมุนดูดขึ้นมาเลย เก็บหมึกในตัวปากกาไม่ต้องมีหลอด (converter) ต่างหาก เติมหมึกทีเลอะเทอะง่ายหน่อย แถมเวลาล้างทำความสะอาดก็ยาก แต่สวย ก็เอาวะ ลองใช้ดูครับ และแน่นอนครับ ปากการไซส์นี้ ใส่กระเป๋าเสื้อไม่ได้ ใส่ช่องเสียบปากกาในกระเป๋าไม่ได้ ต้องมีซองแยกต่างหาก :3

การเติมหมึกแบบ Piston ก็แปลกดี เพราะปากกาหมึกซึมยี่ห้อดังก็มักจะเก็บการเติมหมึกแบบนี้เอาไว้ในรุ่นสูง ๆ หรือรุ่นลิมิเตด อันนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ถ้าเป็น Montblanc 149 ที่มีเรื่องราวชัดเจนอันนี้เข้าใจได้ แต่รุ่นอื่น ๆ ผมยังนึกข้อดีของมันไม่ออกเลยนอกจากเก็บหมึกได้เยอะครับ เสริมอีกนิดว่าพวกรุ่น Edition พิเศษพวกนี้ไม่ค่อยมีหน้าต่างเอาไว้ดูว่าหมึกเหลือเท่าไร ต้องเดาเอาเอง อ่ะ! ยากอีกแล้ว เพื่อความสวยงามนี่ต้องเสียสละอะไรหลาย ๆ อย่างเลยเหมือนกันครับ


ว่ากันเรื่องหัวปากกา (Nib) นิดนึงครับ ฉบับคนไม่รู้ทฤษฎีมากนักแต่ชอบเขียน Nib ที่ขาย ๆ กันอยู่สำหรับปากกาหมึกซึมทั่วไปราคาไม่แพงมักจะเป็น Steel nib ครับ คือหัวเหล็กนั่นแหละ แต่อย่าไปดูถูกเหยียดหยามนะครับ ปากกาหัวสตีลนี่จะแข็ง เขียนลื่น เขียนมันส์ เหมาะมาก ๆ เวลาเอาไว้จดงานเร็ว ๆ ครับ ผมเองมีเพียบเลย Montegrappa x2, Kaweco x2 หัวปากกาที่เขียนได้นุ่มนวลขึ้นมาระดับนึงคือหัวที่ทำจากทอง 14K คิดเอาเองว่าคนส่วนมากน่าจะชอบประมาณนี้ไม่แข็งเกิน ไม่นุ่มเกิน ไต่ระดับขึ้นไปอีกคือหัวทอง 18K ซึ่งการเขียนจะนุ่มนวลมากขึ้นไปอีกและหลายแบรนด์กำหนดไว้เป็นตัว Top ที่จะเก็บไว้ใช้เฉพาะรุ่นพิเศษ ๆ ของแบรนด์ เช่น Montblanc, Montegrappa แต่ก็ยังมีหัวทอง 21K อีกนะครับ ในปากกาหมึกซึมชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่นคือ Sailor ซึ่งผมเองยังไม่เคยใช้ครับว่ามันจะแตกต่างกันขนาดไหน แค่นี้ก็โดนลูกบ่นอยู่ทุกวันแล้วว่า “หนูซื้อปากกาแท่งละ 20 บาท ใช้ปีเดียวแล้วทิ้งยังคุ้มกว่าเยอะเลย” ปากกา Montblanc ไม่ทำหัว Steel นะครับ มีรุ่นเริ่มต้นก็หัว 14K เลย จึงสังเกตได้ว่าราคาเริ่มต้นมันไม่ค่อยน่ารักเท่าไร ส่วน Montegrappa ไม่ค่อยทำหัว 14k ส่วนมากจะเป็นหัว Steel แล้วข้ามไป 18K เลย ดังนั้นมันจะมีรุ่นกลาง ๆ ที่เป็นรุ่นพิเศษ ราคามันจึงดูไม่ค่อยคุ้มกับ Steel Nib เท่าไรครับ ถ้าอยากได้หัว 18K ของทั้งสองยี่ห้อต้องกำเงินเลข 3 ขึ้นไปสำหรับรุ่นธรรมดา (ไปใส่ศูนย์เอาเองตามจินตนาการนะครับ) ในขณะที่ Sailor หัว 21K ราคาต่ำกว่านี้ 3 เท่าจ๊ะ

ทุกเรื่อง ทุกความสนใจ ทั้งกล้อง ปากกา กระเป๋า นาฬิกา รองเท้า มีด ปืน รถยนต์ สารพัดของเล่น มันมีโลกของของมัน ที่พอเข้าไปแล้วมันอิน มันมีความสุขที่ได้สำรวจได้ทดลอง
อาจารย์ด้าน Aesthetics ที่เคารพรักของผมท่านหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า ฟังก์ชันที่แท้จริงของปากกามันไม่ได้เอาไว้เขียน แต่การใช้งานจริง ๆ ของมันจะแสดงออกมาตอนเอามาเหน็บกับกระเป๋าเสื้อ และ เวลาซื้อของส่วนมากเราใช้อารมณ์ในการซื้อ เหตุผลทั้งหลายมันเอาไว้อธิบาย ก็นั่นแหละครับ ความสุขมันก็อยู่ที่การเปลี่ยนปากกาเปลี่ยนหมึกไปใช้ รับรู้อารมณ์การเขียนที่แตกต่างกัน ใช้แล้วพอใจ สบายใจ เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่ได้หยิบมันขึ้นมา... ก็พอแล้ว สวัสดีครับ

















































Comments